วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

การเรียนรู้ครั้งที่ 3 วันศุกร์ที่ 27 มกราคม เวลา 08.30 น. - 12.30 น.



ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา 
(Children with Speech and Language Disorders)

เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
        - เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด

1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (ออกเสียง)   
(Articulator Disorders)

เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน"  
เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"

2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)

พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง 





3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)

ความบกพร่องของระดับเสียง
เสียงดังหรือค่อยเกินไป
คุณภาพของเสียงไม่ดี

ความบกพร่องทางภาษา   การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และหรือไม่สามารถแสดงความคิด
ออกมาเป็นถ้อยคำได้

1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)  

มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
ไม่สามารถสร้างประโยคได้
มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ

2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า
Dysphasia หรือ aphasia  

อ่านไม่ออก (alexia)
เขียนไม่ได้ (agraphia )
สะกดคำไม่ได้
ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
จำคำหรือประโยคไม่ได้
ไม่เข้าใจคำสั่ง ( สมองไม่สามารถประมวลได้ )
พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
* ไม่สามารถสอนได้  ทำอย่างไรก็พูดผิด    

สะกดคำผิด




ภาษาสับสน

Gerstmann’s syndrome  

ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
คำนวณไม่ได้ (acalculia)
เขียนไม่ได้ (agraphia)
อ่านไม่ออก (alexia
*มีทั้ง 5 อาการในเด็ก 1 คน

เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ 
(Children with Physical and Health Impairments)


เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
มีปัญหาทางระบบประสาท
มีความลำบากในการเคลื่อนไหว

โรคลมชัก (Epilepsy)  เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
* ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ต้องกินยากันชักเป็นเวลา   ปัจจุบันไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร  อาจจะเกิดจากระบบ
ประสาทส่งกระแสประสาทผิดปกติ  ทำให้เกิดการชัก

1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)

อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
* ไม่เป็นอันตราย เมื่อโตขึ้นจะหายไปเอง

2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)   เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง
เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู่
* หลังเป็นจะรู้สึกเหนื่อยและหอบ หลับไปเอง ต้องกินยากันชักเป็นเวลา

3.อาการชักแบบ Partial Complex

มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
เหม่อนิ่ง 
เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
* เกิดกับเด็กหลายคน หลังเป็นจะรู้สึกเหนื่อยและหอบ หลับไปเอง ต้องกินยากันชักเป็นเวลา

4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)  เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่าง
โดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก

5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)  เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็ง
หรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
* เป็นอันตรายมาก  ควรอยู่ห่างๆผู้ที่เป็นเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้  สามารถช่วยโดยการทำ CPR

กล้ามเนื้อจะเกร็งทุกส่วน และมีแรงเยอะ

การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก

จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง 
ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ    

ซี.พี. (Cerebral Palsy)   สมองพิการ ไม่สามารถสื่อการได้  เป็นที่สุขภาพร่างกายไม่ใช้สติปัญญา


การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด
ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด 
การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน 

1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)

spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว


2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง  (athetoid , ataxia)

athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง 
ปากเบี้ยวร่วมด้วย
ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน   


3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)  athetoid -  ataxia

กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)


เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่ 
จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม 

โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)   ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก 
(Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด 
Spina Bifida)   
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ(Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมี
หนอง เศษกระดูกผุ  กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ 

เท้าปุก 

Spina  Bifina  กระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด
ไม่รักษาอาจเป็นอัมพาตท่อนล่าง  สามารถผ่าตัดให้หายได้

โปลิโอ (Poliomyelitis)

เกิดจากเชื้อไวรัส Polio ส่วนใหญ่จะพบในน้ำ เด็กควรได้รับวัคซีนป้องกัน 5 ครั้ง


มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม 

โรคกระดูกอ่อน(Osteogenesis Imperfeta)

เกิดจากกระดูกไม่แข็งแรง ควรได้รับวิตามิน D , แคลเซียม ลักษณะช่วงตัวจะสั้น ขายาวโก่ง

โรคศีรษะโต (Hydrocephalus)

เกิดจากน้ำในสมองไม่ไหลสู่ร่างกาย ไปคลั่งที่สมอง

เจาะน้ำออกแล้วแต่ยังไม่หาย

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)

เกิดจากเชื้อไวรัสรูมาตอยด์  ทำให้ข้อนิ้วมือผิดรูป เป็นได้ทั้งแขนและเท้า

แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency) 


Lena Maria


นักกีฬาว่ายน้ำระดับโลก

เขียนหนังสือได้

Nick Vujicic



ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ 

มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
ท่าเดินคล้ายกรรไกร
เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
อเสียงแห้งบ่อย ๆ
มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
หกล้มบ่อย ๆ
หิวและกระหายน้ำอย่างเกินกว่าเหตุ

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้


-  สามารถนำความรู้เรื่องประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษไปใช้สังเกตลักษณะของเด็กได้ เพื่อให้
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตรงกับความเหมาะสมและถูกต้องสำหรับเด็ก  สามารถนำไปเป็นแนวทางใน
การเลี้ยงดูเด็ก หรือนำความรู้แนะนำผู้อื่นต่อไปได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

การประเมินผล


ประเมินอาจารย์

-  อาจารย์เข้ามาสอนตรงเวลา  และอธิบายความรู้รายวิชาได้ชัดเจน  มีการยกตัวอย่างในแต่ละเรื่องทำให้
ภาพและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น  ซึ่งอาจารย์จะนำความรู้เพิ่มเติมมาสอนอยู่เสมอ  ระหว่างเรียนอาจารย์คอย
ให้คำแนะนำของนักศึกษา  และรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา

ประเมินตนเอง

- ตั้งใจฟังและทำกิจกรรมต่างๆ จดบันทึกระหว่างเรียน ร่วมแสดงความคิดเห็นเมื่อครูมีคำถาม
ตอบคำถามได้ และเข้าใจเนื้อหาความรู้ได้ดีค่ะ

ประเมินเพื่อน

- เพื่อนๆตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือในการเรียน  สนใจการเรียนและบันทึกเมื่ออาจารย์สอน อาจมีคุยกัน
บ้างเพราะเป็นช่วงแรกๆค่ะ  ออกมาเป็นตัวอย่างได้ชัดเจน555แสดงความคิดเห็นและรับฟังกันและกัน   
และสนุกสนานในการเรียนการสอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น